วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560

อัพเดทกันยังเอ่ย ? Apple ปล่อยอัพเดท iOS 10.3 และ WatchOS 3.2 เรียบร้อยแล้ว

Apple ส่งอัพเดทเวอร์ชั่นอย่างเป็นทางการของ iOS 10.3 และ WatchOS 3.2 เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่มีการปล่อยเวอร์ชั่น Public Beta อยู่พักหนึ่ง โดยเวอร์ชั่นใหม่นี้ก็ไม่ได้มีเพียงตัวเลขที่เปลี่ยนไปเพราะมีการใส่ฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเข้ามาเพียบเลยทีเดียวล่ะครับ
เริ่มจาก iOS 10.3 กันก่อน
Find My iPhone สามารถหา AirPods ได้แล้ว โดยตัวระบบจะโชว์ตำแหน่งที่ AirPods อยู่ล่าสุดบนหน้าจอ iPhone ของเราได้ และยังสามารถส่งเสียงจากตัว AirPods ให้ดังขึ้นกว่าปกติให้เราได้ตามหาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
Siri รองรับคำสั่งการจ่ายเงินหรือเช็คบิลที่จ่ายไปผ่านแอปจ่ายเงินทั้งหลาย , จองตั๋วล่วงหน้า , เช็คน้ำมันรถยนต์ , เปิด-ปิดไฟรถ , สั่งงานบีบแตรรถ และอื่นๆเกี่ยวกับรถยนต์ได้ด้วยแอป Carmaker เป็นต้นฮะ
Car Play เพิ่มทางลัดเข้าแอปให้ใช้งานง่ายขึ้น , ในหน้า Apple Music สามารถเลื่อนเพลง , เล่นเพลงจากอัลบั้มและเปิด Playlist ได้
อื่นๆ ระบบการเช่าหนังของ iTunes สามารถเช่าจากอุปกรณ์เดียวแล้วดูได้ในหลายๆอุปกรณ์ ไม่จำเป็นต้องดูในอุปกรณ์ที่เช่าเพียงเครื่องเดียวแล้ว ในหน้า Settings จะจัดวางตำแหน่งของ Apple ID เพื่อง่ายต่อการเข้าถึง การให้คะแนนบน App Store มีการปรับเปลี่ยนใหม่ รองรับการค้นหา ที่จอดรถ จากแอปแผนที่และอื่นๆ
ในส่วนของ WatchOS 3.2 นั้นก็มีฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเข้ามาเช่นกัน อาทิ
Theater Mode เราสามารถตั้งค่าให้ตัวเครื่องเปิดโหมดเงียบและปิดหน้าจอไว้ เมื่ออยู่ในที่มืดมากๆอย่างในโรงภาพยนตร์
Siri บน Apple Watch จะรองรับการส่งข้อมูลการออกกำลังการ , ส่งข้อความ , ชำระสินค้า และอื่นๆ
สำหรับ iOS 10.3 และ WatchOS 3.2 ตอนนี้ก็ปล่อยให้อัพเดทกันเรียบร้อยแล้วบน iPhone , iPad และ Apple Watch รุ่นที่รองรับ เพื่อนๆสามารถกดเข้าไปเช็คอัพเดทกันได้เลยครับผม :D

ที่มา : GSMArena
cr.http://www.techxcite.com/topic/27293.html

แนะนำ 4 เกมฟรีกราฟิกแจ่ม เกมเพลย์โดนบนแพลตฟอร์มมือถือ


Power Rangers: Legacy Wars
เกมแรกนี่อิงกระแสหนังที่กำลังเข้าช่วงนี้เลยกับ Power Rangers: Legacy Wars แน่นอนว่ามันก็คือเกม Power Rangers นี่แหละ รูปแบบของเกมจะเป็นแนวต่อสู่ที่เราจะต้องใช้การเลือกการ์ดกดคำสั่งท่าโจมตีหรือป้องกัน เป็นทีม 3 คน ตัวเกมเป็นแบบ PVP เจอกับคู่แข่งจากโลกออนไลน์นี่แหละ ภาพกราฟิกในเกมก็สวยงามใช้ได้เลย ใครที่กำลังอินกับหนังที่เพิ่งไปดูมาก็ลองโหลดตัวเกมมาเล่นเพิ่มความอินเข้าไปอีกได้เน้อ :D

N.O.V.A Legacy
เกมนี้จริงๆก็ได้ข่าวมาสักพักแล้วว่าทาง Gameloft นั้นประกาศรีมาสเตอร์ NOVA ภาคแรกใหม่มาลงบนแพลตฟอร์มมือถืออีกครั้ง ซึ่งในที่สุดตัวเกมก็ปล่อยให้ดาวน์โหลดกันแล้ว รูปแบบเกมเพลย์ยังคงเป็นเกมยิงบุคคลที่ 1 เหมือนเคยเลย แต่ตัวกราฟิกในเกมมีการอัพเกรดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดและน่าสนใจทีเดียว ใครเป็นที่สาวกของซีรีส์นี้อยู่ไม่โหลดไม่ได้แล้วนะ :D

Dynasty Warrior Unleashed
เกมต่อมานี้แค่เห็นชื่อก็รู้สึกคุ้นๆแล้วใช่ไหมล่ะ แน่นอนครับมันคือเกม Dynasty Warrior หรือ สามก๊ก เวอร์ชั่นมือถืออย่างเป็นทางการจาก Koei Tecmo นั่นเอง ซึ่งซีรีส์นี้เราจะคุ้นเคยกันดีตั้งแต่สมัยเครื่อง PS2 กันแล้ว รอบนี้ก็มาลงบนแพลตฟอร์มมือถือเรียบร้อย ตัวเกมยังคงรูปแบบลุยดะ ฟันแหลกอีกเช่นเคย ตัวภาพกราฟิกก็สวยสุดๆได้อารมณ์เหมือนเล่นบนคอนโซลเลยล่ะ ตัวเกมมีขนาดไฟล์ที่ค่อนข้างใหญ่และใช้สเปคสูงหน่อยนะ เกมฮิตแบบนี้จะรอช้าไม่ได้แล้วไปโหลดกันได้เลยจ้าลิ้งก์ด้านล่างนี้ค้าบบ :D


Gangstar New Orleans
ปิดท้ายกับเกม Gangstar New Orleans ที่เราเพิ่งจะลงข่าวไปว่าจะเปิดให้ดาวน์โหลดกันในวันที่ 30 มีนาคมนี้ ซึ่งเมื่อวานนี้ก็มีการเปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ตัวเกมยังคงเป็นแนว Open World เหมือนเคย มีระบบปรับแต่งมาให้เพียบ และแน่นอนกราฟิกสุดงามตามสไตล์ค่ายนี้อีกเช่นเคย ใครที่กำลังมองหาเกมกราฟิกสวยๆเล่นเพลินๆลองไปดาวน์โหลดมาเล่นกันดูครับ :D
 cr.เฮียแม็พ. TechXcite
http://www.techxcite.com/topic/27317.html

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559

Apple จดสิทธิบัตรเลนส์ซูมแบบออพติคอล ไม่แน่ว่า iPhone 7 อาจจะได้ใช้

ปัญหาอย่างหนึ่งของกล้องในสมาร์ทโฟนก็คือไม่สามารถซูมภาพได้แบบออพติตอลเนื่องจากเลนส์ที่ติดมาให้เป็นเลนส์ทางยาวโฟกัสเดี่ยว เมื่อใช้ซูมแบบดิจิตอลจะทำให้ภาพแตก ขาดรายละเอียด แต่ปัญหาเหล่านั้นอาจจะหมดไปเมื่อ Apple ได้จดสิธิบัตรตัวใหม่เกี่ยวกับเลนส์ถ่ายภาพของตัวเองที่สามารถซูมภาพด้วยตัวเลนส์หรือซูมออพติคอลได้ โดยในภาพสิทธิบัตรจะเห็นว่ามีการใช้กระจกสะท้อนแสงเพื่อหักมุมสะท้อนและตำแหน่งหน้าเลนส์ช่วยลดขนาดความหนาของตัวเครื่องได้หากนำไปใส่ในสมาร์ทโฟน และไม่แน่ว่าเทคโนโลยีจากสิทธิบัตรดังกล่าวอาจจะถูกนำไปใช้ใน iPhone7 ก็เป็นได้ และนั้นจะทำให้สมาร์ทโฟนต่อไปในอนาคตมีเลนส์ซูมใช้งานได้ รวมไปถึงอาจจะหันมาแข่งขันด้านประสิทธิภาพของเลนส์มากขึ้น
credits: http://www.techxcite.com/topic/25142.html

ซื้อ iPhone 5s กับ TrueMove H เพียง 4,900 บาทแค่ย้ายค่าย, สมัครแพ็คเกจ

อีกหนึ่งโปรโมชั่นที่หลายคนน่าจะชอบกันเพราะคุณจะสามารถซื้อไอโฟนได้ในราคาไม่แพงมาก กับแคมเปญใหม่จากค่าย TrueMove H ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถซื้อสมาร์ตโฟน iPhone 5s รุ่นความจุ 16GB ได้ในราคาเพียง 5,900 บาท (จากราคาปกติ 13,000 บาท) เมื่อสมัครแพ็คเกจ 4G+ Super Smart 699 บาทขึ้นไปด้วยระยะสัญญา 12 เดือน และถ้าเท่านั้นยังไม่พอสำหรับลูกค้าใหม่ที่ย้ายค่ายเบอร์เดิมยังได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 1,000 บาททำให้คุณสามารถซื้อ iPhone 5s ได้ด้วยราคาเพียง 4,900 บาทเท่านั้นเอง
ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจโปรโมชั่น iPhone 5s จาก TrueMove H ดังกล่าวก็สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่เว็บไซต์ truemoveh.truecorp.co.th หรือสอบถามได้ที่ศูนย์บริการของ TrueMove H 
Credits : http://www.techxcite.com/topic/25061.html

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

วิธีแก้ปัญหา Apple ID ถูกล็อค !! ใช้โหลดแอพ โหลดเพลงไม่ได้

how-to-reset-password-after-apple-id-was-disabled-featured
ปัญหานี้เป็นคำถามที่ถูกถามกันเข้ามามากที่สุดเลยก็ว่าได้ว่า วิธีแก้ปัญหา Apple ID ถูกล็อค ใช้โหลดแอพ อัพเดตแอพ หรือโหลดเพลงใน iTunes หรือ App Store ไม่ได้เลย จะต้องทำอย่างไร? วันนี้ทีมงาน MacThai มีวิธีแก้มาฝากกัน

สาเหตุที่โดนล็อค Apple ID

สาเหตุที่ Apple ID ของเราถูกล็อคมีหลายสาเหตุเช่น มีคนพยายามจะล็อคอินไอดีของเรา ใส่รหัสผิดหลายครั้ง มีการล็อคอินไอดีบนอุปกรณ์จำนวนมากผิดปกติ หรือแม้กระทั่งใส่ข้อมูลชื่อ ที่อยู่ปลอม ถ้าแอปเปิลตรวจสอบเจอก็จะทำการล็อค Apple ID เช่นกัน
โดยข้อความที่ทีแจ้งเตือนเมื่อ Apple ID ของเราถูกล็อคก็จะมีหลายแบบ ตัวอย่างเช่น
  • This Apple ID has been disabled for security reasons.
  • You can’t sign in because your account was disabled for security reasons.
  • This Apple ID has been locked for security reasons.
ซึ่งเมื่อถูกล็อค Apple ID เราจะไม่สามารถโหลดแอพ เพลง หนัง หรือแม้กระทั่งเข้าไปแก้ไขข้อมูลภายในไอดีได้เลย เพราะฉะนั้นเราจะต้องเข้าไปทำการปลดล็อคไอดีกับทางแอปเปิลเสียก่อน

วิธีปลดล็อค Apple ID

การปลดล็อค Apple ID มีหลายวิธีด้วยกัน วันนี้เลยนำวิธีปลดล็อค Apple ID มาฝากกัน 2 วิธี
วิธีที่ 1
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด นั่นก็คือไปรีเซตรหัสผ่านที่เว็บ https://iforgot.apple.com/ โดยมีขั้นตอนดังนี้
เมื่อเข้าเว็บด้านบนแล้ว จะเจอหน้านี้ ให้เรากรอก Apple ID ของเราที่ถูกล็อคเข้าไป
how-to-reset-password-after-apple-id-was-disabled-1
จากนั้นจะถามว่าจะใช้วิธีไหนในการรีเซตรหัสผ่าน วิธีแรกก็คือ รีเซตผ่านอีเมล โดยแอปเปิลจะส่งอีเมลไปที่ให้เรารีเซตรหัสผ่าน ซึ่งเข้าไปลองเช็คในอีเมลที่เราใช้เป็น Apple ID เสียก่อน ถ้าไม่เจออีกอีเมล แอปเปิลอาจจะส่งไปที่อีเมลสำรองที่เราเคยใส่ไว้
ส่วนวิธีที่สอง ตอบคำถามด้านความปลอดภัย
how-to-reset-password-after-apple-id-was-disabled-2
สำหรับใครที่เลือกวิธีตอบคำถามด้านความปลอดภัย แอปเปิลจะถามวันเดือนปีเกิดของเราก่อน
how-to-reset-password-after-apple-id-was-disabled-3
หลังจากนั้น แอปเปิลจะถามคำถามด้านความปลอดภัย 2 คำถาม
how-to-reset-password-after-apple-id-was-disabled-4
หลังจากนั้นจะให้ใส่รหัสผ่านใหม่ โดยจะต้องมีตัวอักษรภาษาอังกฤษมากกว่า 8 ตัว และต้องเป็นมีตัวพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่และตัวเลขอยู่ในรหัสผ่านด้วย
how-to-reset-password-after-apple-id-was-disabled-5
เพียงแค่นี้เราก็สามารถปลดล็อค Apple ID ได้แล้ว สำหรับใครที่ทำวิธีนี้แล้วไอดียังโดนล็อคอยู่ หรือจำรหัสความปลอดภัยหรือแม้กระทั่งจำรหัสอีเมลตัวเองไม่ได้ ให้ลองมาใช้วิธีที่ 2 ดู

วิธีที่ 2 
วิธีนี้ก็คือโทรไปหาพนักงานแอปเปิลโดยตรง ให้เค้าปลดล็อค Apple ID ของเรา โดยโทรไปที่เบอร์ 001-800-65-6957 หรือ 001-800-4412904 โทรฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
how-to-reset-password-after-apple-id-was-disabled-7
และเราจะต้องโทรไปในเวลาทำการ ด้วย ซึ่งพนักงานแอปเปิลที่รับสายนั้นเป็นคนไทย พูดภาษาไทย ไม่ต้องกลัวว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง และเมื่อโทรไปอาจจะต้องใช้ความอดทนในการรอสายนิดนึง บางครั้งอาจจะต้องถือสายรอถึง 30 นาทีเลยทีเดียว
เมื่อพนักงานรับสาย ก็บอกเขาไปว่า Apple โดนล็อค ต้องการปลดล็อคไอดี พนักงงานก็จะถาม ชื่อ อีเมล์ วันเกิด คำถามความปลอดภัย เพื่อยืนยันตัวตน

เพิ่มเติม
การติดต่อพนักงานแอปเปิลทางโทรศัพท์หรือทางแชทนั้น พนักงานอาจจะมีการถามรหัส PIN 4 ตัว โดยสามารถเข้าไปดูรหัส PIN 4 ตัวนี้ได้ที่เว็บ http://appleid.apple.com
ให้เราทำการล็อคอิน Apple ID เข้าไปเสียก่อน จากนั้นให้ไปกดที่ Temporary Support PIN ด้านล่าง
how-to-reset-password-after-apple-id-was-disabled-10
จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาบอกว่า ถ้าต้องการติดต่อพนักงานแอปเปิลทางโทรศัพท์หรือแชท พนักงงานอาจจะถามรหัส PIN 4 ตัวนี้ ให้เรากดปุ่ม Generate PIN
how-to-reset-password-after-apple-id-was-disabled-11
เราก็จะได้รหัส PIN 4 ตัวขึ้นมา ถ้าพนักงานถามรหัส PIN ก็เอาเลข 4 ตัวนี้ตอบเค้าไป
how-to-reset-password-after-apple-id-was-disabled-12
เพียงเท่านี้ก็สามารถปลดล็อค Apple ID ได้อย่างแน่นอน

Credits:http://www.macthai.com/2015/08/01/how-to-reset-password-after-apple-id-was-disabled/

วิธีซื้อแอพ, เพลง, สมัคร Apple Music ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ด้วย TrueMoney ได้ผล 100%

wecard-by-true-wallet-itunes-appstore
ปัญหาที่ถูกถามเข้ามามากที่สุดสำหรับผู้ใช้ iPhone, iPad หนีไม่พ้นคำถาม “อยากซื้อแอพ ซื้อสติกเกอร์ LINE แต่ไม่มีบัตรเครดิต ต้องทำยังไง??”
วันนี้ทีมงาน MacThai ได้นำวิธีการซื้อแอพ เพลง หนังใน App Store, iTunes Store และการสมัคร Apple Music, สติกเกอร์ LINE หรือ In-app Purchase อื่น ๆ ได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ด้วยแอพ Wallet by TrueMoney กัน
เรามาทำความรู้จักแอพ Wallet by TrueMoney กันก่อน แอพ Wallet นี้เป็นแอพที่ไว้ทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะ จ่ายบิล โอนเงินระหว่างบัญชี เติมเงินต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านเพียงแอพเดียว สามารถอ่านรีวิวแอพ Wallet by TrueMoney เพิ่มเติมได้ที่นี่
wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-16
ซึ่งแอพ Wallet นี้ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ และมีประโยชน์มาก นั่นก็คือ WeCard ซึ่งเป็นบริการสร้างบัตรเครดิตเสมือนจริงขึ้นมาให้เราสามารถใช้จ่ายหรือซื้อของออนไลน์ เช่น ซื้อแอพ เพลง หนัง ต่าง ๆ จาก iTunes Store ซื้อสติกเกอร์ LINE ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว

วิธีการสมัคร WeCard ผ่านแอพ Wallet by TrueMoney

1.  โหลดแอพ Wallet by TrueMoney จาก App Store

แอพนี้สามารถใช้ได้ทั้งบน iPhone, iPad และ iPod touch นอกจากจะใช้บน iOS แล้วแอพนี้ก็ยังสามารถใช้งานบนมือถือ Android ได้อีกด้วย ที่สำคัญแอพนี้โหลดฟรี !!
wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-10

2.  สมัครสมาชิก

กดเข้าไปในแอพ หลังจากนั้นให้กดสมัครสมาชิก ในขั้นตอนนี้จะต้องกรอก ชื่อ นามสกุล, รหัสบัตรประชาชน, เบอร์โทรศัพท์และอีเมล เพื่อยืนยันตัวตน
wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-9
เมื่อสมัครเสร็จเรียบร้อย ระบบก็จะตามว่าจะตั้งรหัสผ่าน 4 ตัวหรือจะใช้ Touch ID ในการเข้าใช้งาน ซึ่งตรงนี้ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว

3.  สร้างบัตร Virtual Card

โดยการกดไปที่แถบ WeCard ด้านล่าง จากนั้นกดปุ่ม “สร้างบัตร Virtual WeCard ฟรี!”
wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-17  wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-5
ตรงนี้ให้กรอกชื่อ-นามสกุลของเราเป็นภาษาอังกฤษ ลงไป
ต่อมาให้กดปุ่ม “สร้าง Virtual WeCard” ในขั้นตอนนี้ถ้าชื่อของใครยาวแล้วโดนย่อลงก็ไม่ต้องตกใจ เพราะระบบย่อชื่อให้ชื่อพอดีกับบนหน้าบัตรเฉย ๆ สามารถใช้งานได้ตามปกติ
wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-2 wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-14
เพียงแค่นี้เราก็มีบัตรเครดิตเสมือนจริง ไว้ใช้จ่าย ซื้อของออนไลน์ ซื้อแอพ เพลง หนัง สติกเกอร์ได้แล้ว โดยเราสามารถกดเข้าไปดูเลขบัตรแบบเต็ม ๆ ได้เพียงกดเข้าไปที่รูปแว่นขยาย
เมื่อกดเข้ามาเราจะหน้าตาของบัตร Virtual WeCard เราจะต้องใช้ข้อมูลทั้งหมดในหน้านี้นำไปกรอกเพื่อไปผูกกับ Apple ID ของเรา ซึ่งต้องใช้ข้อมูลดังนี้
  1. บัตร WeCard จะเป็นของ MasterCard
  2. เลขบัตร WeCard 16 หลัก
  3. ชื่อผู้ถือบัตร
  4. วันหมดอายุ (เดือน/ปีค.ศ.)
  5. รหัสหลังบัตร 3 หลัก
  6. ชื่อธนาคารผู้ออกบัตร โดย WeCard นี้ออกบัตรโดยธนาคารธนชาต
wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-4

วิธีการเติมเงินเข้า Wallet (หรือ WeCard)

การเติมเงินเข้า Wallet ก็คือการเติมเงินเข้า WeCard หมายความว่าเป็นเงินก้อนเดียวกัน ซึ่งการเติมเงินเข้า Wallet มีหลายวิธีด้วยกัน โดยแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ เติมเงินผ่านธนาคาร, ผ่านร้านค้า และ ผ่านตู้เติมเงิน
wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-15  wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-7
แต่วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือให้ไปที่ 7-ELEVEN จากนั้นเปิดแอพและกดไปที่รูป 7-ELEVEN จะได้บาร์โค้ดมาตามรูป แล้วบอกพนักงานให้เติมเงินเข้าบาร์โค้ดนี้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ แต่ต้องเติมเงิน 500 บาทขึ้นไป หรือใครต้องการเติมเงินจำนวนน้อย ๆ สามารถเติมเงินผ่านเค้าเตอร์ CP Fresh Mart หรือ Airpay ได้เช่นกัน
wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-16

วิธีการผูกบัตร WeCard เข้ากับ Apple ID

1.  เติมเงินลงไปในบัตร

อันดับแรกของการผูกบัตร WeCard กับ Apple ID เพื่อซื้อของ นั่นก็คือ เติมเงินลงไปในบัตรเสียก่อน เนื่องจากแอปเปิลจะทำการทดลองหักเงินจากบัตรเครดิตที่เราผูก $0.99 เพื่อยืนยันว่าบัตรใบนี้สามารถใช้งานได้จริง ๆ หลังจากนั้นแอปเปิลจะทำการคืนเงินจำนวนนี้ในภายหลัง เพราะฉะนั้นเราจะต้องเติมเงินอย่างน้อย 40 บาท เพื่อให้แอปเปิลทดลองหักเงิน

2.  เข้าไปที่ App Store เพื่อผูกข้อมูลบัตร

โดยให้เข้าไปที่ App Store เลือกแถบ Featured จากนั้นเลื่อนลงไปด้านล่างสุด ให้กดที่ Apple ID ของเรา
wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-11 wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-13
ให้กด View Apple ID หลังจากนั้นให้ใส่รหัสผ่าน Apple ID ของเราลงไป
เมื่อเข้ามาแล้ว ให้เลือกที่ Payment Infomation
wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-6  wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-3
จากนั้นให้เราเลือก MasterCard เนื่องจาก WeCard ของเราเป็น MasterCard จากนั้นก็กรอกเลขบัตรเครดิต 16 หลัก, รหัสหลังบัตร 3 ตัว และวันหมดอายุ ลงไป เมื่อกรอกเสร็จให้กดปุ่ม Done เพียงแค่นี้ก็ผูก WeCard กับ Apple ID ได้แล้ว หลังจากนั้นเราก็สามารถซื้อแอพ เพลง เกม หนังจาก App Store, iTunes Store หรือสมัครบริการ Apple Music ได้ทันที
wecard-by-true-wallet-itunes-appstore-18
นอกจากนี้ทาง truemoney ได้ทำวีดิโอสาธิตวิธีการผูกบัตรเครดิตกับ Apple ID โดยสามารถชมคลิปด้านล่างนี้ได้เลย

ข้อสังเกตในการใช้ WeCard

  • WeCard สามารถผูกกับ Apple ID เพื่อซื้อแอพ โหลดเพลง หนัง หรือสมัครบริการ Apple Music เพิ่มขนาดความจุของ iCloud กดซื้อ In-app Purchase หรืออื่น ๆ ได้ทันที
  • WeCard สามารถผูกกับ Apple ID ของประเทศไทย เท่านั้น !! ไม่สามารถนำไปผูกกับไอดีของต่างประเทศได้
  • นอกจากนี้ WeCard ยังสามารถผูกกับ Google Account เพื่อโหลดแอพจาก Play Store บนมือถือแอนดรอยได้อีกด้วย
  • ข้อดีของการใช้ WeCard ก็คือ เราสามารถจำกัดวงเงินในการซื้อได้ เนื่องจาก WeCard ไม่สามารถซื้อของได้ ถ้ามีเงินใน Wallet ไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นหมดห่วงเรื่องเรียกเก็บเงินภายหลัง หนี้บานปลายไปได้เลย

สรุป

บริการ WeCard ใหม่จาก TrueMoney เป็นบริการที่สะดวกมาก ตอบโจทย์กับผู้คนสมัยใหม่ที่หันมาซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งบริการนี้ ไม่จำเป็นต้องมีสลิปเงินเดือน เราก็สามารถมีบัตรเครดิตไว้ครอบครองได้ และที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นหนี้ในภายหลัง
อ่านเพิ่มเติม

เตือน !! ช่วงฟัง Apple Music ฟรีใกล้หมดแล้ว อ่านวิธียกเลิกหักค่าบริการอัตโนมัติก่อนถูกหักตังค์

caution-turn-off-apple-music-subscription
หลังจากที่แอปเปิลเปิดตัวบริการ Apple Music เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้สิ้นสุดช่วงทดลองใช้ 3 เดือนเต็มทีแล้ว ถ้าใครเปิดใช้บริการ Apple Music ตั้งแต่วันแรก (30 มิถุนายน) ก็จะสามารถทดลองใช้ได้ถึง 30 กันยายนนี้เท่านั้น
หลังจากหมดช่วงทดลองใช้แล้ว แอปเปิลจะหักค่าบริการอัตโนมัติเดือนละ $4.99 (~170 บาท) สำหรับ Individual และ $7.99 (~270 บาท) สำหรับ Family เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่ถูกใจหรือไม่สนใจที่จะใช้บริการต่อ ให้รีบเข้าไปยกเลิกบริการ Apple Music ก่อนที่จะหมดช่วงทดลองใช้ ส่วนวิธียกเลิกบริการ Apple Music สามารถทำได้โดยตามขั้นตอนด้านล่างนี้

วิธีตรวจสอบวันหมดช่วงฟังฟรี และยกเลิกการหักค่าบริการอัตโนมัติ

วิธีตรวจสอบและปิดบริการสมัครสมาชิก Apple Music ผ่าน iPhone, iPad, iPod Touch สามารถทำได้ดังนี้
how-to-turn-off-apple-music-subscription-2
  • ให้ไปที่แอพ Music บน iOS จากนั้นให้กดปุ่มไอคอนหน้าคน มุมบนซ้ายมือ
  • เลือก View Apple ID
  • หลังจากนั้นให้เข้าไปที่ Manage
how-to-turn-off-apple-music-subscription-3
  • เลือก Subscriptions ที่เป็น Apple Music
  • จากนั้นด้านบน จะเห็นคำว่า Free Trial ซึ่งจะระบุวันสุดท้ายที่เราสามารถใช้ได้ฟรี (ตามภาพคือ 30 กันยายน 2015)
  • จะเห็น Renewal Options เลือก Your Membership (Apple Music Membership)
  • จะเห็น Automatic Renewal ให้ทำการปิดมันซะ
Credits:http://www.macthai.com/2015/09/11/caution-turn-off-apple-music-subscription/